ระบบติดตามและประเมินผลโครงการ ( M&E Thailand )

directions_run

ยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของชุมชนผ้าทอพื้นเมืองย้อมสีธรรมชาติ จังหวัดกาฬสินธุ์

stars
1. รายละเอียดโครงการ
ชื่อโครงการ ยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของชุมชนผ้าทอพื้นเมืองย้อมสีธรรมชาติ จังหวัดกาฬสินธุ์
รหัสโครงการ
วันที่อนุมัติ 17 ธันวาคม 2562
ระยะเวลาดำเนินโครงการ 1 มกราคม 2563 - 31 สิงหาคม 2563
งบประมาณ 355,520.00 บาท
ชื่อองค์กรที่รับผิดชอบ มหาวิทยาลัยกาฬสินธุ์
ผู้รับผิดชอบโครงการ นายธวัชชัย เคหะบาล
เบอร์โทรผู้รับผิดชอบโครงการ
อีเมล์ผู้รับผิดชอบโครงการ
พี่เลี้ยงโครงการ สถาบันวิจัยและพัฒนา
พื้นที่ดำเนินการ ตำบลคำบง อำเภอห้วยผึ้ง จังหวัดกาฬสินธุ์
ละติจูด-ลองจิจูด 16.656863,103.844662place
stars
2. งวดสำหรับการทำรายงาน
งวดวันที่งวดโครงการวันที่งวดรายงานงบประมาณ
(บาท)
จากวันที่ถึงวันที่จากวันที่ถึงวันที่
1 1 ม.ค. 2563 31 มี.ค. 2563 74,220.00
2 1 เม.ย. 2563 30 มิ.ย. 2563 201,580.00
3 1 ก.ค. 2563 31 ส.ค. 2563 79,720.00
4 0.00
รวมงบประมาณ 355,520.00
stars
3. ประเด็นที่เกี่ยวข้อง
อื่นๆ
stars
4. หลักการและเหตุผล/สถานการณ์
สถานการณ์ปัญหาขนาด
1 จำนวนทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสร์ (GI) ของพื้นที่
0.00
2 รายได้ของเฉลี่ยของกลุ่มผู้ประกอบการในชุมชน (บาท)
98,445.00
3 ค่าเฉลี่ยคุณภาพชีวิตประชาชนแบบองค์รวม (ความสุข)
7.77

ความสำคัญของโครงการ สถานการณ์ หลักการและเหตุผล

จังหวัดกาฬสินธุ เปนจังหวัดที่มีปญหาความยากจนเรื้อรังติดต่อกันเป็นระยะเวลามากกวา 5 ปและจากขอมูลรายงานดัชนีความ กาวหนาของคน ป2560 ของสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ (ขอมูล ป2559) จังหวัดกาฬสินธุมีประชากรที่อยูใตเสนความยากจนเปนอันดับที่ 4 ของประเทศ โดยจังหวัดกาฬสินธุมีสัดสวนคนจนอยูที่รอยละ 31.99 โดยมีแนวโนมที่มีสัดสวนคนจนเพิ่มสูงขึ้น จังหวัดกาฬสินธุไดจัดทําโครงการ Kalasin happiness Model โดยมีวัตถุประสงคเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนจนขั้นพื้นฐาน และ ยกระดับรายไดของประชาชน บนพื้นฐานความยั่งยืน และแตละปจะตองสามารถลดลงรอยละ 2.5 ตอปี จังหวัดกาฬสินธุมีรายไดจากการจําหนายผลิตภัณฑ OTOP เพิ่มขึ้นอยางตอเนื่องทุกปตั้งแตป 2558-2561 โดยปลาสุด 2561 มีรายไดจากการจําหนายสูงถึง 3,980.54 ลานบาท คิดเปนรอยละจากการเพิ่มขึ้นของมูลคาการจําหนาย เมื่อป2560 เทียบกับปปจจุบัน 2561 สูงขึ้นมากคิดเปนรอยละ 20.69 ปัจจุบันมีผลิตภัณฑที่ไดขึ้นทะเบียนสิ่งบงชี้ทางภูมิศาสตรจํานวน 2 ผลิตภัณฑ คือ ผาไหมแพรวา และขาวเหนียวเขาวง โดยผ้าไหมแพรวาสามารถสร้างรายได้ จากการจําหนายผาไหมแพรวาเพิ่มขึ้นอยางตอเนื่อง เมื่อพิจารณาการเติบโตของมูลคาการจําหนายจาก ป2557-ปี 2561 เพิ่มขึ้น เปน 211.57 ลานบาท คิดเปนรอยละที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 206.39 หรือคิดเปนรอยละที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 51.60 ตอป ส่วนข้าวเหนียวเขาวงในปี พ.ศ.2561 ก็มีมูลคาการจําหนายสูงถึง 247.46 ลานบาท จะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ไดขึ้นทะเบียนสิ่งบงชี้ทางภูมิศาสตร์นั้น สามารถเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ให้สูงขึ้นได้ ในปีงบประมาณ 2562 ที่ผ่านมาศูนย์ความเป็นเลิศด้านสิ่งทอพื้นเมืองแพรวากาฬสินธุ์ ได้จัดโครงการฟอกสี-ย้อมสี สิ่งทอพื้นบ้านให้มีมาตรฐาน โครงการย่อย ภูมิปัญญาผ้าทอพื้นเมือง ภายใต้โครงการ Kalasin City : Traditional and Creative Textiles. ผลการดำเนินงานพบว่า ผลิตภัณฑ์ผ้าทอย้อมมีธรรมชาติมีมาตรฐานสูงขึ้น ได้รับการรับรองตราสัญลักษณ์นกยูงพระราชทาน ราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น เฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 2.2 เท่า คิดเป็นร้อยละ 220 นอกจากนี้กลุ่มยังเป็นที่รู้จักของตลาดมากขึ้นจากผลงานการได้รับรางวัลจากการประกวดผ้าผู้ไทย ส่งผลให้มียอดสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นกว่าเดิม ประมาณ ร้อยละ 20 นอกจากนี้จากการดำเนินงานได้ค้นพบศักยภาพและความโดดเด่นทางภูมิศาสตร์ คือผ้าพื้นเมืองย้อมสีธรรมชาติ โดยเฉพาะ ผ้าฝ้ายย้อมครามปลอดภัย ในเขตพื้นที่อำเภอห้วยผึ้ง นาคู เขาวง กุฉินารายณ์ และ คำม่วง ซึ่งเป็นเขตพื้นที่รอบเทือกเขาภูพานที่สามารถปลูกฝ้ายและครามที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัยจากสารพิษ มีลวดลายการทอที่เป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มชาติพันธุ์ผู้ไท ผ้าฝ้ายย้อมครามในเขตพื้นที่ดังกล่าวนับวันจะมีมูลค่าสูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 20 ต่อปี เกิดการเชื่อมโยงเครือข่ายห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) กับกลุ่มผู้ประกอบการOTOP ในอำเภออื่นๆ เช่น อำเภอเมือง อำเภอกมลาไสย ไปจนถึงต่างจังหวัด รวมถึงตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่ภายในและต่างประเทศอย่างบริษัท King Power ที่ได้สั่งผลิตสินค้าที่ทำจากผ้าฝ้ายย้อมครามเพื่อนำไปจำหน่ายมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีโอกาสที่จะยื่นจดทะเบียนสิ่งบงชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ได้หากมีการผลักดันอย่างจริงจัง แต่ในขณะเดียวกันพื้นที่ยังประสบปัญหา เรื่อง ปัญหาการวางแผนการผลิตฝ้ายและครามที่มีปริมาณไม่เพียงพอ ปัญหาคุณภาพในการย้อม และความหลากหลายของลวดลายในการย้อม รวมถึงรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่ส่วนใหญ่ยังไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด และ มีช่องทางการตลาดที่ยังจำกัด

แต่อย่างไรก็ตามการพัฒนาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนจนขั้นพื้นฐาน และ ยกระดับรายไดของประชาชน บน พื้นฐานความยั่งยืน หากแต่จะเน้นเพียงการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ ด้วยการเพิ่มรายได้เพียงอย่างเดียวอาจไม่พอเนื่องจากความยากจนมีเหตุปัจจัยที่ซับซ้อน แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนจึงต้องอาศัยการคิดที่รอบด้านแบบองค์รวม รวมถึงสร้างความร่วมมือกันในหลายภาคส่วน กรณีศึกษาที่ดี หรือ Best Practice การพัฒนาชุมชนเชิงพื้นที่แบบองค์รวม ที่ประสบความสำเร็จของบริษัทเบทาโกร เรียกว่า ช่องสาลิกาโมเดล ต.ช่องสาริกา อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี สามารถเป็นต้นแบบในการขยายผลได้ จากการนำแนวคิดและกระบวนการพัฒนาดังกล่าวมาใช้ เกิดผลลัพธ์ต่อชุมชน คือ 1. ด้านเศรษฐกิจ อาชีพหลัก (พืชหลัก) ทำให้เกษตรกรในตำบลช่องสาริกามีรายได้จากการประกอบอาชีพหลักเพิ่มขึ้นเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และเกษตรกรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาการปลูกพืชอย่างยั่งยืน 2.ด้านสุขภาพ คนในตำบลในช่องสาริกา “80 ปียังแจ๋ว มีตังค์ ยั่งยืน” มีการพัฒนาจากข้อมูลด้านสุขภาพ การพัฒนาศักยภาพบุคลากร(อสม.) และการพัฒนาระบบบริการสุขภาพ(กลไกหลัก) 3.ด้านสังคม ชุมชนมีกลไกลในการพัฒนาด้วยตนเอง เช่น การพัฒนาธนาคารพัฒนาหมู่บ้าน 4.ด้านการศึกษา โรงเรียนทำหน้าที่หลักของตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ และมีแผนงานช่วยเหลือชุมชนอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง 5.สิ่งแวดล้อม ชุมชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในชุมชน ร่วมใช้ ร่วมรักษาทรัพยากรสิ่งแวดล้อม บทเรียนของหน่วยงานกิจกรรมเพื่อสังคม ภายใต้สำนักพัฒนาความยั่งยืนเครือเบทาโกร จะนำมาสู่โครงการยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตของชุมชนผ้าทอพื้นเมืองย้อมสีธรรมชาติ จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งใช้พื้นที่ 1 ชุมชน คือบ้านคำบง หมู่ 1 ตำบลคำบง อำเภอห้วยผึ้ง เป็นพื้นที่นำร่องยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตแบบองค์รวมในชุมชนผ้าทอพื้นเมืองย้อมสีธรรมชาติ โดยการประยุกต์แนวทางการพัฒนาชุมชนเชิงพื้นที่แบบองค์รวม (Holistic Area-based Community Development : HAB) ที่นำกระบวนเข้าพัฒนาชุมชน และแก้ไขปัญหาแบบทุกมิติ มีการขีดขอบเขตการพัฒนาที่ชัดเจน และมีกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนแนวทางอย่างเป็นระบบ พร้อมสร้างเครือข่ายห่วงโซ่อุปทาน กับเครือข่ายชุมชนอื่นๆไปพร้อมกันด้วย

stars
5. กรอบแนวคิดและยุทธศาสตร์หลัก

แผนงานยุทธศาสตร์ เกษตรสร้างมูลค่า

stars
6. วัตถุประสงค์/เป้าหมาย
วัตถุประสงค์/ตัวชี้วัดความสำเร็จขนาดปัญหาเป้าหมาย 1 ปี
1 ผลักดันผ้าทอพื้นเมืองย้อมสีธรรมชาติในชุมชนให้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI)

จำนวนทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ของพื้นที่ (GI)

0.00 1.00
2 พัฒนาและยกระดับการจัดการผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมืองย้อมสีธรรมชาติในชุมชนและเครือข่ายให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด

รายได้ของเฉลี่ยของกลุ่มผู้ประกอบการในชุมชน (บาท)

98445.00 108289.50
3 ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนแบบองค์รวมด้านเศรษฐกิจ สุขภาพ การศึกษา สังคมและสิ่งแวดล้อม ในชุมชนผ้าทอพื้นเมืองย้อมสีธรรมชาติ

ค่าเฉลี่ยคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่เพิ่มขึ้น

7.77 8.00
stars
7. กลุ่มเป้าหมาย
กลุ่มเป้าหมายจำนวนที่วางไว้(คน)จำนวนที่เข้าร่วม(คน)
จำนวนกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด 100
กลุ่มเป้าหมายจำนวนที่วางไว้(คน)จำนวนที่เข้าร่วม(คน)
กลุ่มเป้าหมายจำแนกตามช่วงวัย
ปฐมวัย (0-5 ปี) -
วัยเรียน (6-12 ปี) 0
วัยรุ่น (13-15 ปี) -
เยาวชน (15-20 ปี) -
วัยทำงาน 100 0
ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) -
กลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเฉพาะ
ผู้พิการ -
ผู้หญิง -
มุสลิม -
พระภิกษุ -
ชาติพันธุ์ -
ผู้ต้องขัง -
หลากหลายทางเพศ (LGBTIQ) -
กลุ่มด้อยโอกาส (คนไร้บ้าน, เด็กเร่ร่อน, เด็กกำพร้า, เด็กในสถานพินิจ ฯลฯ) -
แรงงานข้ามชาติ -
อื่น ๆ -
stars
8. การดำเนินงาน/กิจกรรม
stars
9. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
  1. ผ้าทอพื้นเมืองย้อมสีธรรมชาติในชุมชนได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์(GI)
  2. ผลิตภัณฑ์ผ้าทอพื้นเมืองย้อมสีธรรมชาติในชุมชนและเครือข่าย เกิดการพัฒนาและยกระดับการจัดการให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด
  3. คุณภาพชีวิตประชาชนแบบองค์รวมด้านเศรษฐกิจ สุขภาพ การศึกษา สังคมและสิ่งแวดล้อม ในชุมชนผ้าทอพื้นเมืองย้อมสีธรรมชาติ สูงขึ้น
stars
10. เอกสารประกอบโครงการ

โครงการเข้าสู่ระบบเมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2563 10:14 น.